ศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ทีมเบลเยี่ยมเปี่ยมไปด้วยขุมกำลังสำคัญจากชุดเก่าที่ยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาหลายคน ไม่ว่า ธิโบต์ คูร์กตัวส์, เควิน เดอ บรอยน์, ยาน แฟร์ทองเก้น, เบนเทก้, ลูกากู, เอเด็น อาซาร์ ถือว่ายังคงเป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ได้เช่นกัน

ผลงานรอบคัดเลือกที่ผ่านชนะไป 6 เสมอ 2 ไม่แพ้ทีมใดเลย การันตีถึงคุณภาพของเหล่านักเตะชุดนี้ได้เป็นอย่างดี ผลงานของมาร์ติเนซ สามารถพาดทีมเบลเยี่ยมขึ้นอันดับ 1 ฟีฟ่าแรงกิ้งมาแล้วเป็นเวลาถึง 3 ปีก่อนจะหล่นมาอันดับ 2 เสียตำแหน่งหัวแถวของโลกให้กับบราซิล

ช่วงนี้ถือว่าเป็นยุคทองของทีมชาติเบลเยียม มีการพัฒนาฝีเท้าและผลักดาวรุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ผสมผสานนักเตะรุ่นเก่าที่อายุเข้าเลข 3 หลายรายที่อาจจะเป็นทัวร์นาเม้นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย

โอกาสที่จะเข้ารอบของพวกเขามีมากแต่ด่านต่อไปนั้นเป็นไปที่จะเจอทั้งเยอรมนี สเปน หรือแม้กระทั่งญี่ปุ่น ล้วนแต่เป็นของแข็ง แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสทะลุไปได้เพราะขุมกำลังของทีมก็ไม่น้อยหน้าทีมอื่นเลย เพราะระบบทีมที่มาร์ติเนซสร้างให้ทีมใช้เวลามากว่า 5 ปี ความเข้าขากันระหว่างนักเตะย่อมมีมากกว่าทีมอื่นอยู่พอสมควร 

หากไม่พลิกความคาดหมายเบลเยี่ยมสามารถผ่านรอบแรกไปได้แน่นอนด้วยระบบการเล่น 3-4-2-1